วัฒนธรรมและประเพณีประจำจังหวัด

วัฒนธรรมและประเพณีประจำจังหวัด


1. งานพ้อต่อ



        ในช่วงสารทจีน พี่น้องชาวภูเก็ตเชื้อสายจีน ต่างก็พากันกราบไหว้วิญญาณบรรพบุรุษ และบรรดาผีไม่มีญาติ (เชื่อกันว่าเป็นวันที่วิญญาณได้รับการปลดปล่อย ให้กลับมาเยี่ยมเยียนบ้าน และญาติพี่น้อง) สำหรับวันสารทจีน หรือที่เรียกกันว่าไหว้กับข้าว ที่บางเหนียวและตลาดสด (บ้านซ่าน) ก็จะมีการจัดงานพ้อต่อ ซึ่งเป็นเทศกาลที่จัดสืบต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย โดยจัดเป็นเทศกาล ที่สนุกสนาน น่าเที่ยวอีกเทศกาลหนึ่งของภูเก็ต และจากการค้นคว้าหาข้อมูล ตามหนังสือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเพณีในภูเก็ต ก็พอที่จะได้ข้อมูลคร่าวๆ มาให้ได้อ่านกัน ดังนี้ 

ประเพณีพ้อต่อเป็นประเพณีที่มีขึ้นในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 ตามปฏิทินจีน เพื่อบูชา และเซ่นไหว้บรรพบุรุษ รวมถึงบรรดาผีไม่มีญาติ ประเพณีนี้เป็นประเพณีที่เกิดขึ้น และปฏิบัติต่อกันมานานแล้ว จึงไม่อาจระบุแน่ชัดได้ว่าเริ่มขึ้นเมื่อใด หากแต่พอจะทราบว่า เป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่า ในเดือนเจ็ด เริ่มตั้งแต่เวลาหลังเที่ยงคืน ของวันที่สามสิบ เดือนหกนั้น ประตูผีจะเปิดออก เหล่าดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับที่อยู่ในเมืองผี จะกลับมาเยี่ยม โลกมนุษย์ และดวงวิญญาณเหล่านี้ จะท่องเที่ยวอยู่ในโลกมนุษย์เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ฉะนั้นในช่วงดังกล่าว เมื่อยามตะวันลับขอบฟ้า ผู้คนก็จะกลับมาอยู่ในบ้าน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง เคราะห์หามยามร้าย ที่อาจเกิดขึ้น หากถูกดวงวิญญาณเหล่านั้น ชง (ทำให้เกิดสิ่งไม่ดี) ได้


2. ประเพณีกินเจ




         สำหรับประเพณีเจี๊ยะฉ่าย หรือ ประเพณีถือศีลกินผัก (กินเจ) จังหวัดภูเก็ต จะจัดขึ้นเป็นเวลาทั้งสิ้นเก้าวัน ซึ่งจุดมุ่งหมายสำคัญของการกินเจ ก็เพื่อเป็นการชำระล้างบาปเคราะห์ ถือศีลปฏิบัติธรรมให้สะอาดบริสุทธิ์ทั้งกายวาจาใจ เป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญให้ทานและรำลึกถึงดวงวิญญาณบรรพบุรุษที่คุ้มครองและบันดาลให้ร่มเย็นเป็นสุข ผู้สวมใส่ชุดขาวจะต้องละเว้นจากการละเมิดศีลห้า รักษากายวาจาใจให้บริสุทธิ์สะอาดตลอดระยะเวลา 9 วันนี้ และทั้ง 9 วันจะมีพิธีกรรมเกี่ยวกับศรัทธาและความเชื่อในรูปแบบต่างๆ เช่น ค่ำคืนแรกของการเข้าเจ จะมีพิธียกเสาโกเต้ง ขึ้นที่หน้าอ๊ามแต่ละอ๊าม เพื่อเป็นที่แขวนตะเกียงน้ำ 9 ดวงซึ่งอัญเชิญดวงวิญญาณของยกอ๋องฮ่องเต้ (พระอิศวร) และกิ๋วอ๋องไตเต (ราชาผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า) ตะเกียงน้ำมันทั้ง 9 ดวงจะต้องติดไฟจนกว่าพิธีกินเจจะสิ้นสุดลง วันถัดมาก็จะเป็นพิธีบูชาพระ หรือวันทำความสะอาดศาลเจ้าหรือ ‘อ๊าม’ ตลอดจนภาชนะอุปกรณ์ประกอบพิธี แต่ละบ้านต่างเซ่นไหว้เจ้าและบรรพบุรุษของตน จากนั้นก็จะเป็นเป็นพิธีโขกู้น หรือพิธีเลี้ยงอาหารทหารที่รักษาบริเวณปริมณฑล ตามมาด้วยพิธีซ่งเก้ง หรือการสดมนต์อ่านรายชื่อผู้เข้าร่วมกินผัก ต่อมาเป็นพิธีป้ายชิดแช้ (พิธีบูชาดาว) เพื่อขอความเป็นสิริมงคลและรักษาโรค โดยจะทำในค่ำคืนวัน 5 ค่ำ หรือประมาณวันที่ 7 ในพิธีนี้จะมีการนำฮู้ (กระดาษยันต์)มาแจกด้วย


3. ประเพณีลอยเรือ


ความสำคัญ

ประเพณีลอยเรือเป็นประเพณีที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษดั้งเดิมของชาวอูรักลาโวย ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกระบี่และจังหวัดใกล้เคียง เมื่อถึงเวลาที่กำหนดสมาชิกในชุมชนและญาติพี่น้องที่แยกย้ายถิ่นไปทำมาหากินในแถบทะเล และหมู่เกาะต่าง ๆ ในทะเลอันดามันจะพากันเดินทางกลับมายังถิ่นฐาน เพื่อประกอบพิธีนี้

พิธีกรรม

ในวันขึ้น ๑๓ ค่ำ ช่วงเช้า ชาวเลจะเดินทางไปบริเวณที่จะทำพิธี ผู้หญิงจะทำขนม ผู้ชายจะสร้างและซ่อมแซมที่พักชั่วคราว ช่วงเย็น ทั้งหญิงและชายจะไปรวมกันที่ศาลบรรพบุรุษเพื่อนำอาหารเครื่องเซ่นไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษเป็นการบอกกล่าวให้มาร่วมพิธีลอยเรือ
เช้าของวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ผู้ชายส่วนหนึ่งเดินทางไปตัดไม้ เพื่อนำไม้มาทำเรือผู้หญิงจะร้องรำทำเพลง ในขณะที่รอรับไม้บริเวณชายฝั่ง แล้วขบวนแห่จะแห่ไม้ไปวนรอบศาลบรรพบุรุษเพื่อนำกลับมาทำเรือ "ปลาจั๊ก" คืนวันขึ้น ๑๔ ค่ำ มีพิธีฉลองเรือโดยมีการรำรอบเรือ เพื่อถวายวิญญาณบรรพบุรุษโดยใช้ดนตรีและเพลงรำมะนาประกอบวงหนึ่งและอีกวงจะเป็นการรำวงแบบสมัยใหม่มีดนตรีชาโดว์ประกอบการร้องรำ โต๊ะหมอจะทำพิธีในช่วงเริ่มฉลองเรือและมีพิธีสาดน้ำตอนเที่ยงคืน (เลฮฺบาเลฮฺ) และทำพิธีอีกครั้งในช่วงเช้าตรู่วันขึ้น ๑๕ ค่ำ ก่อนนำเรือไปลอยในทิศทางลมซึ่งแน่ใจว่าเรือจะไม่ลอยกลับเข้าฝั่ง หลังจากนั้นแยกย้ายกันนอนพักผ่อน
บ่ายวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ผู้ชายส่วนหนึ่งแยกย้ายไปตัดไม้และหาใบกะพร้อเพื่อทำไม้กันผีสำหรับทำพิธีฉลองในเวลากลางคืน โดยมีพิธีกรรมเหมือนกับพิธีฉลองเรือทุกประการ จนกระทั่งใกล้จะสว่างโต๊ะหมอจะทำพิธีเสกน้ำมนต์ทำนายโชคชะตา และสะเดาะเคราะห์ให้สมาชิกที่เข้าร่วมพิธีก่อนจะอาบน้ำมนต์ และแยกย้ายกันกลับบ้านโดยนำไม้กันผีไปปักบริเวณรอบหมู่บ้านด้วย

สาระ

ประเพณีลอยเรือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษอันเกี่ยวเนื่องกับตำนานความเชื่อความเป็นมาและวิถีชีวิตทุกอย่างของชาวเลอูรักลาโวย การจัดพิธีฉลองเรือก็เพื่อการสะเดาะเคราะห์ ส่งวิญญาณกลับสู่บ้านเมืองเดิม และการส่งสัตว์ไปไถ่บาป
เรือปลาจั๊กที่ทำขึ้นในพิธีลอยเรือ ทำจากไม้ตีนเป็ดและไม้ระกำเป็นสัญลักษณ์ของ "ยาน" ที่จะนำวิญญาณของคนและสัตว์ไปสู่อีกภพหนึ่ง มีชิ้นไม้ระกำที่สลักเสลาอย่างสวยงามเป็นรูปลักษณ์ต่าง ๆ ประดับประดาอยู่ในเรือ รูปนกเกาะหัวเรือ หมายถึง "โต๊ะบุหรง" บรรพบุรุษผู้ซึ่งสามารถห้ามลมห้ามฝน ลายฟันปลา หมายถึง "โต๊ะบิกง" บรรพบุรุษที่เป็นฉลาม ลายงูหมายถึง "โต๊ะอาโฆะเบอราไตย" บรรพบุรุษที่เป็นงู ฯลฯ ในเรือยังมีตุ๊กตาไม้ระกำทำหน้าที่นำเคราะห์โศกโรคภัยของสมาชิกในแต่ละครอบครัวเดินทางไปกับเรือและเครื่องเซ่นต่าง ๆ ที่จะให้วิญญาณบรรพบุรุษนำติดตัวไปยังถิ่นฐานเดิมที่เรียกว่า "ฆูนุงฌึไร"
การร่ายรำแบบดั้งเดิมผสมผสานกับบทเพลงเก่าแก่และดนตรีรำมะนา เป็นส่วนประกอบที่เร้าใจและเป็นการรำถวายต่อบรรพบุรุษ ทุกคนที่รำเชื่อว่าจะได้บุญ
โต๊ะหมอผู้นำทั้งทางโลกและทางธรรม เชื่อว่าเป็นผู้ที่สามารถสื่อสารกับพระผู้เป็นเจ้าและวิญญาณบรรพบุรุษได้ ผู้ที่ผ่านพิธีลอยเรือถือว่าจะเป็นผู้ที่ผ่านทุกข์โศกโรคภัยไปหมดแล้ว ชีวิตต่อไปข้างหน้าจะประสบแต่ความสุขและโชคดีในการทำมาหากิน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น